วันศุกร์ที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

บทบรรณาธิการเนติ ภาค 1 สมัย 65 เล่ม 4

ดาวโหลดได้ที่นี่

http://www.mediafire.com/?a66fm9oc76dpy4w
http://www.mediafire.com/?bkazg88obrqgl77
http://www.mediafire.com/?00s3fc73x3jv9kf
http://www.mediafire.com/?x07t0o703hbnqhd

บทบรรณาธิการเนติ สมัย 65 เล่ม 2

บทบรรณาธิการเนติ สมัย 65 เล่ม 2

มีประเด็นดังนี้

  1. ผู้ซื้อที่ดินโดยสุจริตในการขายทอดตลาดจะได้รับการคุ้มครองตาม 1300 หรือไม่
  2. ซื้อรถยนต์จำต้องส่งมอบเล่มทะเบียนหรือไม่
  3. ซื้อที่ดินกับกฎหมายห้ามโอน
  4. ผู้ค้ำหลายคนในหนี้รายเดียว
  5. ลักทรัพย์หรือกรรโชก
  6. ประมาทอ้างจำเป็นได้หรือไม่
  7. สัญญาเงินกู้ไม่ได้ลงนามพยาน
ดาวโหลดที่นี้ http://www.mediafire.com/?wsn02ej69s7p3mq

วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

สัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษ

สัญญาเช่าต่างตอบแทนพิเศษ หากว่าไม่ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน ก็ไม่ต่างกับสัญญาเช่าธรรมดา เนื่องจากหากว่ามีการโอนทรัพย์ที่ให้เช่าไปยังบุคคลภายนอก ไม่ว่าบุคคลภายนอกจะสุจริตหรือไม่ก็ตาม ย่อมไม่ได้รับการคุ้มครอง เพราะว่าสัญญาต่างตอบแทนพิเศษเป็นนเพียงบุคคลสิทธิระหว่างผู้ให้เช่า(เดิม) กับผู้เช่า เท่านั้น
ตัวอย่างเช่น ก ให้ ข เช่าที่ดิน โดย ข ตกลงจะสร้างอาคารและยอมให้อาคารเป็นของ ก หลังจากครบสัญญาเช่า 15 ปี โดไม่ได้ทำเป็นหนังสือและจดทะเบียน สัญญานี้บังคับได้ 15 ปี ตามที่รู้กันนะครับ แต่หากว่า ก ผู้ให้เช่าโอนทรัพย์ไปให้ ค ก็หาก ค ไม่แสดงเจตนารับเอาสัญญาต่างตอบแทน ก็ไม่ผูกพันธ์ ค แต่อย่างใด บังคับใช้ได้เพียง 3 ปี เท่านั้น

บทบรรณาธิการเนติ ภาค 1 สมัย 65

บทบรรณาธิการเนติ ภาค 1 สมัย 65

ออกมาแล้วนะครับเล่มแรก มีประเด็นน่าสนใจไว้เยอะเลยครับ  มีประเด็นดังนี้ครับ
  1. การลงลายมือชื่อเป็นพยานในพินัยกรรม จำต้องลงในขณะทำสัญญาหรือไม่
  2. หลักฐานการกู้ยืม ไม่ได้ระบุชื่อผู้ให้กู้ ถือว่าเป็นหลักฐานได้หรือไม่
  3. เรื่องระยะเวลาในการอ้างบันดาลโทสะ
  4. การเรียกและรับเงินจากผู้เสียหายเพื่อให้อัยการไม่ดำเนินคดี
  5. การทำให้เสียทรัพย์มีพยายามไหม
  6. ลักทรัพย์กับยักยอก
ใครที่สนใจก็โหลดได้ตามลิ้งค์ด้านล่างเลยครับ


http://www.mediafire.com/?llueddokroxfhde



วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

คำแนะนำและแนวทางการของการสอบผู้พิพากษา (อาจใช้ได้กับเนติ)

ผมท่องตัวบทประมาน 800-1000มาตรา คัดเฉพาะที่มันน่าจะออกสอบมาท่อง เวลาท่องก็ท่องให้จำได้เป๊ะๆอย่าไปใช้ความเข้าใจเขียนหรือสร้างตัวบทเอง เช่น ป.วิอาญามาตรา192 ถ้าศาลเห็นว่าข้อเท็จจริงที่ปรากฎในทางพิจารณาแตกต่างจากข้อเท็จจริงที่ กล่าวมาในฟ้องในศาลยกฟ้องคดีนั้น เว้นแต่... เวลาเราตอบข้อสอบก็ควรเขียนไปแบบนี้เลยจะสละสลวยและได้คะแนนในส่วนนี้เต็ม อย่างแน่นอน แต่ถ้าใช้ความเข้าใจและสร้างตัวบทเองเช่น ป.วิอาญามาตรา192 ถ้าข้อเท็จจริงในศาลไม่เหมือนกับในฟ้องโจทก์ให้ศาลยกฟ้องเสีย แบบนี้แม้ความหมายจะเหมือนกันกับตัวบทแต่ท่านไม่ได้คะแนนอย่างแน่นอนหรืออาจ ได้น้อยมากถ้าเจอคนตรวจเคี่ยวๆเพราะท่านไม่มีความเป็นนักกฎหมายอยู่เลย

การท่องตัวบทไม่ใช่เรื่องยากอะไรครับแต่เป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลา ท่านไม่สามารถท่องตัวบท 800-1000 มาตราได้ใน 1 วัน 1 อาทิตย์ หรือ 1 เดือน ส่วนตัวผมก็ใช้เวลาประมาน 6 เดือนกว่าจะจดจำได้หมดและเขียนได้คล่อง

ส่วนความเข้าใจในตัวบทนั้นๆย่อมต้องมีด้วยอย่างแน่นอนดังที่หลายๆท่านกล่าว มาในกระทู้ข้างล่าง การเข้าใจตัวบทและการจำคำในตัวบทให้ได้อย่างแม่นยำเป็นสองสิ่งที่ต้องมี ประกอบกันเพื่อให้คำตอบสมบูรณ์ ในชั้นเนตินั้นแม้ท่านมีแค่อย่างใดอย่างหนึ่งท่านก็สามารถสอบผ่านได้ แต่ในการสอบชั้นผู้ช่วยหรืออัยการท่านต้องมีทั้งสองอย่างประกอบกันถึงจะ ประสบความสำเร็จครับ

ในการสอบครั้งที่ผ่านมาผมตอบข้อสอบถูกประมาณ 60% ครับแต่การวินิจฉัยของผมมีตัวบทที่ตรงตามในประมวลเป๊ะๆ+ความเข้าใจในตัวบท มาตรานั้นๆอธิบายอยู่ทุกข้อ แต่เหตุที่ตอบผิดเพราะผมอ่านฎีกามาน้อยบางฎีกาก็ไม่เคยเจอหรือไม่เคยอ่านเลย แต่ก็ประสบความสำเร็จผ่านมาได้ครับ คำถามสอบผู้ช่วยอัยการลักษณะการตั้งคำถามจะมี 2 ประเภทครับ 1.รู้แค่ตัวบทก็ตอบได้ 2.ต้องรู้ทั้งตัวบทและฎีกาถึงจะตอบได้ ซึ่งคำถามทั้งสองประเภทจะถามมาในสัดส่วนประมาน 30-70 ครับ กล่าวคือถ้าตัวบทท่านแม่นใน 10 ข้อ 3 ข้อท่านตอบถูกและกดคะแนนเต็มๆอย่างแน่นอนส่วนที่เหลืออีก 7 ข้อท่านก็ต้องอ่านฎีกาเยอะๆและภาวนาในฎีกาที่อ่านออกสอบด้วย

ผมต้องขอโทษทุกท่านด้วยที่พิมพ์หรือเรียบเรียงไม่เก่ง แต่จะสรุปแค่ว่าถ้าท่านอยากจะประสบความสำเร็จในการสอบผู้ช่วยหรืออัยการท่าน ควรจะต้องท่องตัวบทให้เหมือนกับในประมวล เข้าใจตัวบทมาตรานั้นๆอย่างขึ้นใจ และหมั่นอ่านฎีกาของตัวบทนั้นๆครับ ขอให้ทุกท่านโชคดีครับ

ปล. ผมวันไม่พอมีแค่ 2 วัน คงตั้งกระทู้ได้อย่างเดียว คงไม่สามารถตอบกระทู้นี้อีกได้แล้วนะครับ (ข้างบนเขียนว่า 2 วันตอบกระทู้ได้แต่ผมลองตอบกระทู้อื่นแล้วตอบไม่ได้)

ประเด็นของ 289(2)กับ 289(3) จากอาจารย์ไกรฤกษ์

ประเด็นของอาจารย์ไกรฤกษ์ ครับ ระหว่าง 289(2) กับ (3) ข้อที่เหมือนกันคือ (ต้องคิดเป็นภาพเลยนะครับ) กรณีแรก ขณะที่จะเข้าไปทำหน้าที่/
หรือขณะที่จะเข้าช่วยเหลือ กรณีที่สอง ขณะที่ทำหน้าที่/หรือขณะที่ช่วยเหลือ กรณีที่สาม ขณะที่ได้ทำหน้าที่/หรือขณะได้ช่วยเหลือ(ทำหน้าที่หรือช่วยเหลือเสร็จแล้ว)

ตัวอย่าง ตำรวจกำลังขับรถไปจับบ่อน ยังไปไม่ถึง เท่ากับเป็นขณะที่จะไปทำหน้าที่ หากกำลังจับคนในบ่อนอยู่ เท่ากับว่าขณะทำหน้าที่อยู่ หากจับเสร็จเรียบร้อยแล้ว กับไปนอนพักผ่อนอยู่ที่บ้านแล้ว เป็นขณะที่ได้กระทำการตามหน้าที

ที่ต้องแยกเป็นเหตุการณ์เพราะส่งผลต่อความรับผิดของจำเลยนะครับ (2) หากว่าเป็นการกระทำขณะที่จะกระทำ กับ กรณีได้กระทำตามหน้าที่ มูลเหตุจูงใจของจำเลยในการฆ่าเจ้าพนักงานต้องมาจากการจะกระทำตามหน้าที่หรือเพราะได้กระทำการตามหน้าที่เท่านั้น
ส่งผลถึงอนุสาม (3) หากว่าเจ้าพนักงานอยู่ขณะจะกระทำการตามหน้าที่ และผู้ช่วยเหลือจะเข้าไปช่วยเหลือหรือได้ช่วยเหลือ จะเข้า (3)นะครับ จะต้องเป็นกรณีที่เจ้าพนักงานกระทำการตามหน้าที่หรือได้กระทำการตามหน้าที่แล้วเท่านั้น

มาดูตัวอย่างของ (2)ประเด็นอยู่ที่การปฎิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานอยู่ขั้นตอนไหน และมูลเหตุจูงใจ
แดงตำรวจจะไปจับดำ ขณะขับรถไปจับดำ ขาวลูกดำรู้ จึงยิงแดงตายคารถ สังเกตุสองประเด็น แดงอยู่ในขณะจะกระทำการตามหน้าที่ และการที่ขาวยิงมีเหตุจูงใจจากการปฎบัติหน้าที่ของแดง เข้า (2)
กับอีกกรณีนึง หากว่าขาวยิงแดงเพราะเนื่องจากแดงไปเป็นชู้กับเมียของตนหละ? แม้ว่าแดงจะอยู่ในขณะจะกระทำการ แต่มูลเหตุจูงใจของขาวไม่ใช่เพราะแดงปฎิบัติหน้าที่ จึงไม่เข้า (2) หรือกรณีที่แดงไปจับบ่อนเสร็จเรียบร้อย นอนพักอยู่ที่บ้าน ขาวยิงแดงเพราะแดงไปจับบ่อน เข้า (2) กับกรณีเดียวกันหากยิงเพราะเหตุส่วนตัวอื่น ไม่เข้า (2)
สรุป หากเจ้าพนักงาน จะกระทำ หรือ ได้กระทำ ผู้กระทำความผิดต้องมีมูลเหตุจูงใจในการฆ่ามาจากการที่เจ้าพนักงานได้ปฎิบัติหน้าที่นั้นเอง แต่หากว่าฆ่าในขณะกระทำการตามหน้าที่ แม้เป็นเหตุส่วนตัวก็ผิด (2)

ตัวอย่างของ (3) ประเด็นอยู่ที่ เจ้าพนักงานอยู่ขั้นตอนไหน และ การที่เข้าไปช่วยของผู้ช่วยเหลืออยู่ในขณะไหน
นายแดงตำรวจจะไปจับบ่อนของนายขาวโดยมีนายเขียวเป็นคนดีอาสาไปด้วย ขณะขับรถไปยังไม่ถึงบ่อน นายดำลูกนายขาวไม่อยากให้บิดาถูกจับ จึงยิงแดงและเขียวตาย
วินิจฉัยเฉพาะเขียวนะครับ ประเด็นแรกการกระทำของเจ้าพนักงานอยู่ขั้นตอนไหน คือ อยู่ในขั้นตอนของการที่จะกระทำการตามหน้าที่เพราะยังไม่ได้ไปถึง เมื่อยังไม่ได้มีการกระทำการตามหน้าที่ จึงไม่ต้องวินิจฉัยประเด็นทีสองเลยว่าเขียวผู้ช่วยเหลืออยู่ในขั้นตอน เพราะไม่เข้า (3) แล้ว เพราะต้องมีการกระทำการตามหน้าที่ก่อน